top of page

ในตอนที่ผมได้เข้าโรงเรียนมัธยม ผมเป็นคนไม่ชอบพูดแล้วก็ไม่ค่อยมีใครมาคุยกับผม เลยทำให้ผมไม่มีเพื่อน ในช่วงนั้นผมรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เห็นคนอื่นเขาคุยกัน  แล้วเราต้องมานั่งอยู่คนเดียวเริ่มมีเพื่อน หลังจากเวลานั่นผ่านไปไม่นานก็เริ่มมีเพื่อนคนนึงเข้ามาคุยกับผมและได้เป็นเพื่อนสนิทกัน 

เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ได้คุยถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย มีการช่วยเหลือกันและกัน ทำให้รู้สึกว่าการมีเพื่อนนั้นมันคือสี่งที่ดีมาก ทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนความรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยทำ และในการที่อยู่คนเดียวนั้น

ไม่จำเป็นต้องเศร้าอีกต่อไป หลังจากในก็มีเพื่อนเข้ามาเพิ่มขึ้นเลื่อยๆ เเละได้มีความคิดที่จะสร้างวงดดนตรีขึ้นมาเพื่อเป็นการรวมตัวของเพื่อนๆ จากการที่ได้พบเจอเพื่อน และได้รู้จักหลายๆคนเยอะขึ้น ทำให้ได้มีโอกาศได้ไปที่ต่างๆมากมาย ได้มีประสบการต่างๆเยอะขึ้น ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากที่ได้มีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือ คอยให้กำลังใจ มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว

สำหลับผมนั้น เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ แต่แค่มีเพื่อนที่เข้าใจกัน ช่วยเหลือกันและกัน ขอแค่นั้นก็ทำให้เรา

มีความสุขแล้ว

จนถึงวันนี้ การเล่นดนตรีกับเพื่อน เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข และมีความหมายกับการสร้างสรรค์งานดนตรีในอนาคตของผม คอนเสิร์ตครั้งนี้ จึงจะเป็นการเล่นดนตรีเพื่อใครไปไม่ได้ นอกจากเพื่อนของผม เหล่า Camaraderrie* ที่เป็นส่วนสำคัญกับเสียงดนตรีในชีวิตของผม

*ความสนิทสนมกันเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 มันมาจากคำว่า camarade คำภาษาฝรั่งเศสที่บรรพบุรุษชาวฝรั่งเศสกลางเป็นแหล่งของคำว่าสหายของเรา ในฝรั่งเศสตอนกลางมีการใช้คำว่า Camarade เพื่อหมายถึง "เพื่อนร่วมห้อง" "เพื่อน" หรือ "กลุ่มที่นอนในห้องเดียว" มันได้มาจากวิธีการของสเปนเก่าจากLate Latin cameraหรือ camara, meaning "Chamber" เรามีคำว่า comradery ซึ่งหมายถึงสิ่งเดียวกันกับความสนิทสนมกัน แต่ไม่ได้ใช้เส้นทางนิรุกติศาสตร์เหมือนกับคำพ้องความหมาย คำดังกล่าวเกิดขึ้นจากการต่อท้ายคำว่า -ry (เท่าที่พบในพ่อมดแม่มดและพลเมือง) เพื่อเป็นเพื่อนไม่ปรากฏเป็นภาษาอังกฤษจนกระทั่งเกือบ 40 ปีหลังจากความสนิทสนมกัน ขี้อายซึ่งกันและกัน, ความสนิทสนมกันระหว่างเพื่อน

bottom of page